บีโอไอนำผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเจาะตลาดยุโรป ปลื้มยอดเจรจาจับคู่ธุรกิจ 260 ล้านบาท
12 มิถุนายน 2562
บีโอไอนำผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเจาะตลาดยุโรป
ปลื้มยอดเจรจาจับคู่ธุรกิจ 260 ล้านบาท
บีโอไอนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย เข้าร่วมออกบูธงาน Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 ประเทศเยอรมนี เจาะตลาดชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ ประสบความสำเร็จ ยอดจับคู่ธุรกิจ รวม 40 คู่ มูลค่าการซื้อขายกว่า 260 ล้านบาท
นายพัลลภ บุญศิริ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและเชื่อมโยงการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 18 – 25 พฤษภาคม 2562 บีโอไอได้จัดกิจกรรมนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเดินทางไปร่วมออกบูธในงานแสดงสินค้า Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 ณ เมืองสตุทท์การ์ท สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมกิจกรรมเยี่ยมชมโรงงาน บริษัท เดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์
งาน Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 เป็นงานแสดงเทคโนโลยียานยนต์และชิ้นส่วน จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วน มีผู้เข้าร่วมชมงาน ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ที่ต้องการหาพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทรับช่วงการผลิต โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมชมงาน จำนวนทั้งสิ้น 36,177 คน ผู้ร่วมออกบูธ 1,152 บริษัท มีพาวิลเลี่ยนจากกลุ่มประเทศยุโรป เช่น อิตาลี โปรตุเกส จากเอเชีย เช่น ไทย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับผลการนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าร่วมงานครั้งนี้ มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ 40 คู่ คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกว่า 260 ล้านบาท ขณะที่บูธของบีโอไอได้รับความสนใจมีผู้เข้ามาติดต่อขอรับข้อมูล เพื่อหาผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมทั้งหาผู้แทนจำหน่าย และข้อมูลด้านการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้นำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนจากประเทศไทย เยี่ยมชมโรงงาน บริษัท เดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์ ที่เมืองซิงเดลฟิงเกน สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเข้าชมการผลิตและประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท เดมเลอร์ เอจี แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ ธุรกิจผลิตรถยนต์ ธุรกิจผลิตรถบรรทุก และธุรกิจบริการด้านการเงิน (สินเชื่อเช่าซื้อและให้บริการเช่ารถยนต์)
“การเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ครั้งนี้ ทำให้เราทราบทิศทาง แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลก ซึ่งจากการหารือร่วมกัน ทำให้ทราบว่าภายในปี 2573 บริษัทจะไม่ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นให้บริการด้านเทคโนโลยี การใช้ระบบอินเทอร์เน็ต 5 จี ในการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการใช้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่” นายพัลลภกล่าว
ข้อมูลจาก: ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
ปลื้มยอดเจรจาจับคู่ธุรกิจ 260 ล้านบาท
บีโอไอนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย เข้าร่วมออกบูธงาน Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 ประเทศเยอรมนี เจาะตลาดชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ ประสบความสำเร็จ ยอดจับคู่ธุรกิจ รวม 40 คู่ มูลค่าการซื้อขายกว่า 260 ล้านบาท
นายพัลลภ บุญศิริ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและเชื่อมโยงการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 18 – 25 พฤษภาคม 2562 บีโอไอได้จัดกิจกรรมนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเดินทางไปร่วมออกบูธในงานแสดงสินค้า Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 ณ เมืองสตุทท์การ์ท สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมกิจกรรมเยี่ยมชมโรงงาน บริษัท เดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์
งาน Global Automotive Components & Suppliers Expo 2019 เป็นงานแสดงเทคโนโลยียานยนต์และชิ้นส่วน จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วน มีผู้เข้าร่วมชมงาน ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ที่ต้องการหาพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทรับช่วงการผลิต โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมชมงาน จำนวนทั้งสิ้น 36,177 คน ผู้ร่วมออกบูธ 1,152 บริษัท มีพาวิลเลี่ยนจากกลุ่มประเทศยุโรป เช่น อิตาลี โปรตุเกส จากเอเชีย เช่น ไทย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับผลการนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าร่วมงานครั้งนี้ มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ 40 คู่ คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกว่า 260 ล้านบาท ขณะที่บูธของบีโอไอได้รับความสนใจมีผู้เข้ามาติดต่อขอรับข้อมูล เพื่อหาผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมทั้งหาผู้แทนจำหน่าย และข้อมูลด้านการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย
นอกจากนี้ บีโอไอยังได้นำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนจากประเทศไทย เยี่ยมชมโรงงาน บริษัท เดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์ ที่เมืองซิงเดลฟิงเกน สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเข้าชมการผลิตและประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท เดมเลอร์ เอจี แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ ธุรกิจผลิตรถยนต์ ธุรกิจผลิตรถบรรทุก และธุรกิจบริการด้านการเงิน (สินเชื่อเช่าซื้อและให้บริการเช่ารถยนต์)
“การเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ครั้งนี้ ทำให้เราทราบทิศทาง แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลก ซึ่งจากการหารือร่วมกัน ทำให้ทราบว่าภายในปี 2573 บริษัทจะไม่ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นให้บริการด้านเทคโนโลยี การใช้ระบบอินเทอร์เน็ต 5 จี ในการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการใช้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่” นายพัลลภกล่าว
ข้อมูลจาก: ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)