โลกกำลังขยับเข้าสู่ยุค Net Zero Economy พลังงานสะอาดเป็นเหมือน “ใบเบิกทางใหม่” สู่การแข่งขันระหว่างประเทศ และหนึ่งในพลังที่เติบโตเร็วที่สุดรองจากโซลาร์ คือ พลังงานลม

01 ธันวาคม 2568
       พลังงานลมไม่ได้หยุดอยู่ที่การผลิตไฟฟ้า แต่กำลังกลายเป็น Value Chain ใหม่ ที่เชื่อมโยงโอกาสทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จุดเริ่มต้นของ “ห่วงโซ่อุตสาหกรรมสะอาด” ที่สร้างทั้งเทคโนโลยี การจ้างงาน และ การลงทุนสีเขียว
 
พลังหมุนเศรษฐกิจสะอาด ตามรายงานของ IEA พลังงานลมมีแนวโน้มจะกลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักจากพลังงานหมุนเวียนอันดับ 2 รองจากโซลาร์เซลล์
 
 ปี 2025–2027: คาดว่าโตเฉลี่ย 28% ต่อปี ตามนโยบายการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก ที่จะทำให้ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานรวม รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องจะมีแนวโน้มขยายตัวตามไปด้วย คาดว่า การลงทุนในโรงงานผลิตกังหันลมทั่วโลก จะแตะระดับ 14.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030
 
 ยุทธศาสตร์ลมจากผู้นำโลก:
  •  จีน: จะติดตั้งกังหันลม >80 GW ต่อปี จนถึง 2030 (เป้า Net Zero ในปี 2060)
  •  ยุโรป: ตั้งเป้าติดตั้งพลังงานลม ให้ได้ 30% ภายใน 2030 จาก นโยบาย REPowerEU
  •  สหรัฐฯ: เดินหน้าภายใต้ Inflation Reduction Act มุ่งสู่ Net Zero Grid ปี 2035
  •  อาเซียน: เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีศักยภาพลมโดดเด่นของภูมิภาค
 
ลมดี = โอกาสจริงของไทย
ประเทศไทยมีศักยภาพลมสูงใน 3 พื้นที่หลัก
  • ภาคอีสาน: นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์
  • กาญจนบุรี: จุดเชื่อมระหว่างภาคกลางและตะวันตก
  •  ภาคใต้: ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย
 
 นอกจากนี้ ลมยังตอบโจทย์เป้าหมาย Green Supply Chain
รวมถึงการสร้างแต้มต่อให้สินค้าไทยในการส่งออก ด้วยการใช้ไฟฟ้าสะอาด (Scope II)
 
 พลังงานลม คือ จุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมสะอาด
พลังงานลมไม่ได้จบแค่ไฟฟ้า แต่คือ Value Chain ที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในทุกระดับ
 
 บีโอไอส่งเสริมการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่
  •  การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม
  •  การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังลม
  •  ระบบควบคุมอัจฉริยะ (Smart Control Systems) สำหรับจัดการพลังงานและการทำงานของกังหันลม
  •  การผลิตระบบกักเก็บพลังงาน (ESS / Battery Energy Storage Systems)
  •  การพัฒนา Software, Cloud และระบบควบคุมพลังงานอัจฉริยะ เพื่อการบริหารจัดการไฟฟ้าแบบเรียลไทม์
  •  มาตรการจูงใจเพื่อการลงทุนสีเขียว มาตรการพิเศษสำหรับโครงการที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อมุ่งสู่ “Smart & Sustainable Industry”
 
 ในปีนี้ บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท เช่น
  •  บริษัท วายุ เพาเวอร์ จำกัด (ชัยภูมิ) ลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท
  •  บริษัท อีสานพลังงานสะอาด จำกัด (มุกดาหาร) ลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท
  •  บริษัท อัลฟ่า วัน โปรเจกต์ จำกัด (ชุมพร) ลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท
  •  บริษัท อัลฟ่า ทู โปรเจกต์ จำกัด (ประจวบคีรีขันธ์) ลงทุนกว่า 4,800 ล้านบาท
 
เป็นแนวโน้มใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า พลังงานลมกำลังขยายตัวจากภาคอีสาน สู่ภาคใต้
สะท้อนบทบาทของบีโอไอในการขับเคลื่อนการลงทุนพลังงานสะอาดทั่วทุกภูมิภาค
 
 ถึงเวลาลงทุนใน “ลม” ที่พาเศรษฐกิจหมุนต่อ
พลังงานลมไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกด้านสิ่งแวดล้อม แต่คือโครงสร้างพื้นฐานของการแข่งขันใหม่ในอุตสาหกรรมโลก
หลายอุตสาหกรรมเริ่มเปลี่ยนสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
  •  ผู้ผลิต EV ต้องการแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อขอการรับรอง ESG
  • Data Center และ Cloud Provider ต่างเร่งเปลี่ยนสู่พลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบโจทย์ Net Zero Infrastructure
  •  วงการอุตสาหกรรมอาหารบางแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่าง โซลาร์และลม เพื่อความยั่งยืนและเพิ่มแต้มต่อด้าน ESG